เชื่อว่าทุกคนคงเคยมีสักครั้งหนึ่งที่มองเห็นปัญหาต่างๆ รอบตัว แล้วรู้สึกว่า อยากลุกขึ้นมาทำอะไรสักอย่างหนึ่ง แต่สงสัยว่า แล้วฉันจะเริ่มต้นอย่างไรดีนะ ฉันจะมีความสามารถพอที่จะลุกขึ้นมาแก้ไขปัญหาใหญ่ๆ ได้จริงหรือ แล้วถ้าอยากทำ ต้องเริ่มต้นอย่างไร?
Dream it Do it (DIDI) เป็นหนึ่งในครื่องมือที่ School of Changemakers ใช้เป็นจุดตั้งต้นในขั้นตอนการพัฒนาไอเดีย (Idea Devolopment) อยู่ใน Changemakers Toolkit Module 1 เครื่องมือนี้มีไว้เพื่อช่วยให้ (ว่าที่) นักสร้างการเปลี่ยนแปลงได้ลองทบทวนตัวเอง ค้นหาจุดตั้งต้นในการแก้ไขปัญหาสังคม โดยเริ่มจากจากความสนใจ ทักษะความสามารถที่ตนเองมี และปัญหาสังคมที่เราสนใจ เพราะในการแก้ไขปัญหาสังคมนั้นต้องใช้เวลา และระหว่างทางอาจจะเจออุปสรรค ความยากลำบากต่างๆ หากไอเดียหรือจุดตั้งต้นที่เราเลือกนั้นมาจากความชอบ ความสนใจของเราเอง จะทำให้เรารู้สึกสนุก มีแรงทำสิ่งนั้นได้นาน ไม่หมดกำลังใจง่ายๆ หรือสามารถอดทนรอหากต้องใช้เวลานานกว่าจะเห็นการเปลี่ยนแปลง
จากประสบการณ์การสนับสนุนนักสร้างการเปลี่ยนแปลงของ School of Changemakers พบว่า นักสร้างการเปลี่ยนแปลงที่ประสบความสำเร็จมากมายต่างเริ่มโครงการหรือกิจการเพื่อสังคมจากความสนใจของ “ตัวเอง” จึงเป็นสาเหตุที่เราอยากให้ทุกคนได้เริ่มต้นจากการทำ DIDI เป็นเครื่องมือแรก
การเตรียมตัว
- โหลด Worksheet ได้ที่ Dream It Do It (DIDI) หรือสามารถใช้เป็นกระดาษ A4 1 แผ่น แบ่งช่องออกเป็นสามช่อง ตามตัวอย่างจากรูปภาพ DIDI Worksheet
- อุปกรณ์เครื่องเขียน ปากกา ดินสอ สีไม้หรือปากกาเมจิกสี
DIDI Worksheet
Let’s do it! (15-30 นาที)
Step 1 ช่องซ้ายบน “Skills and Interests” ช่องนี้ชวนคุณมาสำรวจตัวเอง ดังนี้
1.1 Skills (ทักษะ ความสามารถ) เขียนทักษะหรือความถนัดของเรา ให้ลองนึกถึงสิ่งที่เราทำได้ดี คนอื่นบอกว่าเราเก่ง เรื่องนี้คนรอบข้างต้องขอให้เราทำให้ตลอด เช่น ทักษะการเขียนโปรแกรม พูดนำเสนองาน ถ่ายรูปแบบมืออาชีพ ทักษะการฟัง เป็นต้น หากนึกไม่ออก ให้ลองดูว่ามีทักษะใดบ้างที่เราอยากมีหรืออยากฝึกฝน เพื่อให้บรรลุเป้าหมายในอนาคต ไม่ว่าจะเป้าหมายในอาชีพ เช่นหากเราอยากจะเป็นมืออาชีพเฉพาะทางควรมีทักษะใดบ้าง? หรือเป้าหมายส่วนตัว อยากทำธุรกิจของตนเอง การจะทำสิ่งนี้ได้เราจำเป็นต้องมีทักษะใดบ้าง? เช่น การทำงานเป็นทีม ทักษะการเจรจาต่อรอง ความอดทนกล้าที่จะล้มเหลว เป็นต้น
1.2 Interests (ความชอบหรือความสนใจ) เขียนกิจกรรมหรือสิ่งที่เราสนใจ หากคิดไม่ออกอาจจะลองสังเกตง่ายๆ เช่น เราเลื่อนฟีดเฟซบุ๊กทีไร เมื่อเจอหัวข้อนี้ต้องกดเข้าไปดู หรือเวลาเวิร์กชอปใดที่เกี่ยวกับหัวข้อนี้ต้องขอไปเข้าร่วม เป็นความสนใจเป็นพิเศษ ไม่ต้องให้มีใครบังคับเราก็อยากจะรู้ อยากจะทำ แม้ว่าจะไม่มีสิ่งใดตอบแทน หรือเป็นความชอบส่วนตัวที่เราไม่จำเป็นต้องเก่ง เช่น ชอบวาดรูปสีน้ำ (มีอุปกรณ์สีน้ำครบชุด) หนังการ์ตูนดิสนีย์ (รู้จักเจ้าหญิงทุกคนในการ์ตูนดิสนีย์ มีความฝันอยากไปดิสนีย์แลนด์) รักน้องหมา (เจอหมาที่ไหนต้องเข้าไปเล่น เชื่อว่าสามารถสื่อสารกับหมาได้) ชอบรับประทานอาหารอร่อย (พูดถึงร้านอร่อยที่ไหน รู้หมด) ชอบการท่องเที่ยว (มีเวลาว่างเมื่อไหร่ เป็นต้องไปเที่ยว ที่ไหนมีอะไรดี ถามมาตอบได้) ร้องเพลง (ลงเรียนร้องเพลง มีรายชื่อร้านคาราโอเกะในดวงใจ) เป็นต้น
Step 2 ช่องขวาบน “Concerns and Targets” ช่องนี้ชวนคุณคิดถึงปัญหาสังคม หรือกลุ่มเป้าหมายที่สนใจ ดังนี้
2.1 Concerns (ปัญหาที่เราสนใจ) ลองเขียนปัญหาสังคม* ที่เราอยากจะช่วยทำให้มันดีขึ้น เช่น เพื่อนท้องในวัยเรียน ชาวบ้านเป็นหนี้เงินกู้นอกระบบ การจราจรในกรุงเทพมหานคร พื้นที่ป่าในประเทศไทยมีจำนวนไม่เพียงพอ มลพิษทางอากาศ ฝุ่น pm 2.5 ขยะในชุมชน ภาระงานของคุณครูมากเกินไป เด็กเป็นโรคซึมเศร้ากันเยอะ การไม่ยอมรับเรื่องเพศหลากหลาย การถูกรังแกในสังคมออนไลน์ การทำร้ายร่างกายในครอบครัว อุบัติเหตุบนท้องถนน เป็นต้น หากมีมากกว่า 1 เรื่อง อยากให้เลือกประเด็นที่สนใจมากที่สุดเพียงเรื่องเดียว ถ้ายังเลือกไม่ได้ ให้ลองสมมุติว่า คุณเป็นมหาเศรษฐี มีเงินอยู่จำนวน 10 ล้านบาท แล้วเงินก้อนนี้อยากจะนำไปใช้เพื่อแก้ปัญหาสังคมเท่านั้น และได้แค่ 1 ปัญหา เราจะเลือกใช้เงินก้อนนี้ไปแก้ไขปัญหาใด
- ปัญหาสังคม เป็นปัญหาที่คนจำนวนหนึ่งในสังคมได้รับผลกระทบเป็นวงกว้างหลายคนหรือทุกคนได้รับผลกระทบร่วมกัน
2.2 Targets (กลุ่มเป้าหมาย) เขียนกลุ่มคนที่เราอยากเข้าไปช่วยแก้ไขปัญหามากที่สุด 1 กลุ่ม หากสามารถระบุได้อย่างเฉพาะเจาะจงได้ยิ่งดี เช่น เด็กม.ปลาย คุณครูประถม กลุ่ม first jobber ผู้สูงอายุในเมือง สุนัขจรจัด แม่ค้าในตลาดสดหมู่บ้าน คุณแม่เลี้ยงเดี่ยว เด็กนักเรียนมัธยมในโรงเรียนที่เราเรียนอยู่ เป็นต้น
ข้อแนะนำ ปัญหาสังคมและกลุ่มเป้าหมายควรสอดคล้องกัน หากทั้งสองไม่สอดคล้องกัน เช่น ปัญหาท้องในวัยเรียน แต่เราสนใจกลุ่มเป้าหมายเป็นผู้สูงอายุในชนบทด้วย เราสามารถเขียนไปก่อนได้ จากนั้นใน Step 3 เราอาจจะเลือกอย่างใดอย่างหนึ่งจากความต้องการของเราที่อยากเห็นปัญหานี้ดีขึ้นจริงๆ หรือมีความสนใจเป็นพิเศษกับกลุ่มเป้าหมายนี้
Step 3 ช่องด้านล่าง “Ideas”
เลือกข้อมูลจากช่อง 1 “Skills หรือ Interests” และช่อง 2 “Concerns หรือ Targets” มาจับคู่กัน วิธีการคือ เลือกช่องใดช่องหนึ่งระหว่าง ทักษะ หรือ ความสนใจของเรา (Skills or Interests) แล้วเลือกช่องใดช่องหนึ่ง ระหว่างปัญหาหรือกลุ่มเป้าหมายที่สนใจ (Concerns or Targets) จากนั้นลองคิดไอเดีย* ในการแก้ไขปัญหาว่าสามารถเป็นอะไรได้บ้าง
ตัวอย่างที่ 1. เลือก Skill: ทักษะการถ่ายรูป คู่กับ Target: สุนัขจรจัด ไอเดียที่ได้คือ ถ่ายรูปลูกสุนัขจรจัดบริเวณหมู่บ้านลงโพสต์ในเฟซบุ๊กเพื่อหาบ้านให้น้องหมา หรือ ทำแคมเปญหาคู่ ชวนเพื่อนที่ยังโสดมาถ่ายรูปคู่กับสุนัขจรจัด เพื่อโปรโมทหาคู่ ได้ทั้งคู่ของคน และคู่ (เจ้าของ) ของน้องหมาในครั้งเดียว
ตัวอย่างที่ 2. เลือก Interest: ชอบร้องเพลง คู่กับ Concern: ความเครียดของคนวัยทำงาน ไอเดียที่ได้คือ จัดประกวด “ร้องเพลงปลอดภาระ” หลังเวลาเลิกงานที่ออฟฟิศ หรือ ประกาศรับสมัครแดนเซอร์ขากเพื่อนร่วมงานมาประกอบเวลาเราร้องเพลงที่ร้านคาราโอเกะ
ตัวอย่างที่ 3. เลือก Skill: ทักษะการฝึกสุนัข คู่กับ Concern: ปัญหาขยะในตลาดนัดแถวบ้าน ไอเดียที่ได้คือ ฝึกสุนัขบริเวณตลาดนัดให้เก็บขยะ
ไอเดียที่ได้จากการจับคู่ช่อง 1 และ 2 นั้นไม่จำเป็นต้องมาจากคู่เดียวคู่เดิม เราสามารถสลับคู่เพื่อคิดไอเดียได้หลายหลาย สามารถจับเวลาขณะที่คิดไอเดียไปด้วย ยิ่งเวลาจำกัด ยิ่งทำให้ไอเดียที่ได้ออกมาดีและสนุก (โดยทั่วไปแล้วประมาณ 5 ไอเดีย ภายใน 7-10 นาที)
- ไอเดีย อยากให้เขียนอย่างละเอียดออกมาในเชิงกิจกรรม อ่านแล้วเห็นภาพว่าต้องทำอะไร และอย่างไรบ้าง
- * ถ้าช่องแรก (Skills and Interests) ยังไม่รู้จะเขียนอะไร อาจให้เวลาสำรวจตัวเองอีกนิด หรือหากมีแค่ปัญหาสังคมหรือกลุ่มเป้าหมายที่สนใจ ไอเดียอาจมาจากประเด็นปัญหาหรือกลุ่มเป้าหมายอย่างเดียวก็ได้
ข้อแนะนำ แบบฝึกหัดนี้ คุณสามารถคิดไอเดียได้ไม่จำกัด ไม่จำเป็นต้องนึกถึงความเป็นไปได้ ใส่ความสนุก ความคิดสร้างสรรค์ลงไปได้เต็มที่ อยากให้เป็นไอเดียที่พาเราออกจากกรอบเดิมๆ อ่านให้เพื่อนฟังแล้วตาลุกวาวแล้วอยากชวนกันออกไปทำไอเดียนี้ให้เป็นจริงกันเลย
Facilitator Guide
- หากทำเป็นกลุ่มหลายๆ คน ควรจับกลุ่มละ 4-6 คน แนะนำให้แชร์ไอเดียของตัวเองกับกลุ่ม ลองฟังของเพื่อนดู ไม่มีไอเดียไหนผิด หรือถูก ดี หรือแย่ โดยใช้เวลาในการแชร์ของแต่ละคนรวมกันไม่ควรเกิน 10 นาที เมื่อแชร์เสร็จสามารถผลัดกันช่วยเสนอไอเดียใหม่ๆ เพิ่มเติมให้เพื่อนได้
- ระวังการนำ ไอเดีย จากทั้ง 2 ช่อง มาชนกันเฉยๆ เช่น ชอบดูหนัง สนใจปัญหาคนแก่ในสังคมเมือง ไอเดีย = ชวนคนแก่ดูหนัง อยากให้ใส่รายละเอียดเพิ่มเติมให้เห็นภาพกิจกรรมที่ทำ เช่น จับคู่เด็กและคนแก่ ดูหนังด้วยกันแล้วเกิดการพูดคุยแลกเปลี่ยน คนแก่จะได้ไม่เหงา เด็กๆ จะได้เรียนรู้มุมมองของคนแก่ด้วย เป็นต้น
- ชวนผู้ทำกิจกรรมตั้งคำถามเกี่ยวกับไอเดียของตนเอง เช่น อาจจะเขียนว่า ชอบกินอาหาร กลุ่มเป้าหมาที่สนใจคือ เด็กยากไร้ ไอเดียคือ ไปทำอาหารให้เด็กยากไร้กิน ความชอบกินอาหาร กับทักษะการทำอาหารนั้นแตกต่างกัน บางคนชอบกิน แต่อาจจะไม่ได้ชอบทำอาหารก็ได้ เป็นต้น
คุณจะพบว่า การแก้ไขปัญหาสังคมที่มาจากทักษะหรือความสนใจของคุณนั้น เมื่อบวกกับความคิดสร้างสรรค์ของตัวเอง และเพื่อนๆ สามารถออกมาเป็นไอเดียในการแก้ไขปัญหาสังคมใหม่ๆ ได้ไม่จำกัด!