
ณ ห้อง Workshop 1 & 2 อุทยานการเรียนรู้ TK Park ชั้น 8 ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ กรุงเทพฯ
School of Changemakers ร่วมกับ TK Park เชิญชวน หน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชนที่อยู่ในส่วนงานการขับเคลื่อนหรือพัฒนาบุคลากรในองค์กรให้มีทักษะในการเป็นนวัตกรเพื่อสังคม รวมทั้งครู อาจารย์ นักการศึกษา ที่กำลังมองหาเครื่องมือในการพัฒนานักเรียน นักศึกษาให้มีแนวคิด ทักษะการเป็นนวัตกรหรือผู้ประกอบการเพื่อสังคม มาร่วมกิจกรรม Sharing บทเรียนการทำงานจากศูนย์บ่มเพาะที่น่าสนใจในประเทศไทย พร้อมรูปแบบคู่มือและตัวอย่าง การสร้างระบบการบ่มเพาะนักเปลี่ยนแปลง (Changemakers) ของ School of Changemakers ที่มุ่งสร้าง ผลกระทบทางสังคม (Impact) ที่มีประสิทธิภาพ (Efficiently) และมีความยั่งยืน (Sustainability)
กิจกรรมครั้งนี้ แบ่งเป็น 2 ส่วนหลัก ได้แก่ การแลกเปลี่ยนประสบการณ์การทำโปรแกรมบ่มเพาะนักเปลี่ยนแปลง (Changemakers) ทั้งในมิติของบทเรียนและข้อท้าทายจาก 3 องค์กร ประกอบด้วย (1) School of Changemakers โดย คุณพรจรรย์ ไกรวัตนุสสรณ์ (2) EdVISORY โดย คุณพริมา เพชราภิรัชต์ และ (3) สถานพัฒนาความเป็นผู้ประกอบการสำหรับนักศึกษา มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี (SEDA) โดย คุณอภิสรา วิเชียร จากนั้นได้เปิดพื้นที่ให้กับผู้เข้าร่วม ประกอบด้วย ครู อาจารย์มหาวิทยาลัย และผู้ทำงานภาคเอกชน ที่มีความสนใจการทำโปรแกรมบ่มเพาะได้แลกเปลี่ยนและสอบถามเพิ่มเติม
- เราเป็นส่วนนึงของ part of problem หรือ part of solution ? คำถามดังกล่าวทำให้โปรแกรมบ่มเพาะ (Incubation) มีความสำคัญ เพราะการบ่มเพาะเป็นระบบสนับสนุนที่ช่วยให้ ‘คน’ สามารถเดินข้ามจากปัญหา (Problem) ไปสู่วิธีการแก้ปัญหา (Solution) ไม่ว่าจะเป็นปัญหาในระดับใดก็ตาม
- Incubation เป็นการสนับสนุนผู้ประกอบการใหม่ให้สามารถริเริ่มโปรเจกต์หรือกิจการได้ ผ่านกระบวนการอบรม การให้คําปรึกษา การเข้าถึงเงินทุนตั้งต้นและเครือข่ายที่จำเป็น อย่างไรก็ตาม ความสำคัญของ Incubation ไม่ใช่เป็นเพียงแค่โปรแกรมฝึกอบรม แต่เป็นการบ่มเพาะที่ส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลง being ของคน เป็นการพัฒนาทักษะใหม่ เป็นการให้โอกาสในการได้ลองผิดลองถูก และเป็นการให้ทรัพยากรที่จำเป็นเพื่อตั้งต้นการดำเนินกิจการ
- การบ่มเพาะมีที่มาจากคำว่า ‘การฟักไข่’ ซึ่งต้องมีการควบคุมสภาพแวดล้อมที่เหมาะสม ผู้ทำหน้าที่บ่มเพาะต้องเข้าใจว่าคนที่เรากำลังบ่มเพาะ (Incubatee) ต้องการสภาพแวดล้อมอย่างไร ต้องการปัจจัยใดบ้าง ต้องเข้าใจว่าเขาคือคนกลุ่มไหน (เช่น เป็นเด็ก นักศึกษา หรือ NGOs) ซึ่งความต้องการและระยะเวลาที่ใช้ในการบ่มเพาะของแต่ละคนมีความแตกต่างกัน ทำให้บทบาทของโปรแกรมบ่มเพาะต้องมีระบบสนับสนุนที่ต่างกันตามความต้องการของกลุ่มเป้าหมาย
1. บทเรียนสำคัญของการทำโปรแกรมบ่มเพาะ
- School of Changemakers (SOC)
- ตั้งแต่ทำโปรแกรมบ่มเพาะมา SOC ไม่เคยเจอคนที่มีไอเดียมาก่อนตั้งแต่แรก มักเจอคนที่อยากทำโปรเจกต์เพื่อสังคมแต่ไม่รู้ว่าจะทำอะไร ทำให้ต้องกลับไปในขั้น Pre-incubation ก่อน (เริ่มกระบวนการตั้งแต่ Inspiration และ Problem Insight ก่อนการพัฒนาไอเดีย) ซึ่งขั้นตอนนี้มีความสำคัญมาก ผู้ทำโปรเจกต์จะต้องตอบให้ได้ว่าสิ่งที่กำลังเริ่มทำถูกขับเคลื่อนด้วยแรงขับใด (มี passion หรือต้องการแก้ปัญหาใด) หากสิ่งนี้ไม่แข็งแรงมากพอ มักทำให้โปรเจกต์นั้น ๆ ไปต่อไม่ได้
- เดิมระบบสนับสนุนของ SOC มักให้งบสนับสนุนเพื่อทดลองไอเดียเลย แต่พอทำไปพบว่าสิ่งสำคัญที่ช่วยให้โปรเจกต์ไปต่อได้ คือ โค้ช และเครื่องมือ เพื่อมาช่วยตั้งต้นโปรเจกต์ก่อน รวมถึงการมี network ให้ (เช่น การจัดงานเพื่อให้มีการสัมภาษณ์หา Insight หรือการจัดให้มีพื้นที่ทดลองต้นแบบ) สอดคล้องกับที่ Incubatee สะท้อนว่า สิ่งสำคัญคือ ‘โค้ช’ ซึ่งทำหน้าที่คอยตั้งคำถามและช่วยทำให้ทีมทำงานร่วมกันได้อย่างดี อย่างไรก็ตาม SOC มองว่า การโค้ชที่ทำให้ความสำคัญกับคนมากกว่าโปรเจกต์ เป็นการช่วยให้คนได้พบกับสิ่งที่อยากทำ อยากแก้ปัญหาเพื่อสังคม รวมถึงได้เกิดการเปลี่ยนแปลงที่ตัวคน นอกจากนี้ ตั้งแต่ทำโปรแกรมบ่มเพาะ SOC ไม่เคยเดาถูกว่าใครจะไปรอดหรือไม่รอด ดังนั้น สิ่งสำคัญคือไม่ควรปิดโอกาสใคร
- ข้อท้าทายสำคัญคือ การบ่มเพาะผู้ประกอบการเพื่อสังคมให้ไปถึง Business Model เพื่อหาโมเดลที่สามารถหารายได้ได้ด้วยตัวเอง
- EdVISORY
- เริ่มองค์กรมาจากด้าน Education และ Human Resources มีความเชื่อในศักยภาพของคนและใช้เป็นแกนหลักในการทำงาน ปัจจุบันองค์กรเน้นให้บริการด้าน Education, Human Resources และ Technology การทำงานด้านการบ่มเพาะ EdVISORY ทำตั้งแต่ Pre-Incubation ไปจนถึง Accelerator ที่สนับสนุนให้คนที่มีไอเดียหรือนวัตกรรมเพื่อสังคม เข้าโปรแกรม Pre-Incubation แล้วคัดเข้าไปสู่ Incubation และ Accelerator เพื่อไปสู่การได้รับทุนเพื่อทำงานต่อ
- ข้อค้นพบจากการทำงาน พบว่า กุญแจสำคัญของการทำโปรแกรมบ่มเพาะคือ ‘โค้ช’ หรือ ‘Mentor’ และการสร้าง Engagement ของ incubatee ในโครงการ (ต้องสร้างให้เกิน 70%) และสำหรับการสนับสนุนกลุ่ม startup พบว่า มีความต่างจากคนที่สนใจเรื่องสังคม นั่นคือ จะมีฐานความรู้เรื่องธุรกิจและความสนใจในเรื่องที่ตัวเองทำมาอยู่ดีแล้ว แต่สิ่งที่ขาดคือ เครื่องมือ ความรู้ และคนช่วยพัฒนาไอเดียให้มีความคมชัดมากขึ้น
- ข้อท้าทายสำคัญที่พบ คือ การทำงานร่วมกับ Incubatee ที่เป็นผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้าน เช่น นักวิจัย นักวิชาการ ให้มีความสนใจในองค์ความรู้ด้านอื่น นอกจากนี้ การทำงานร่วมกับภาครัฐที่เน้นการเข้าร่วมเพื่อตอบสนองนโยบายมากกว่าความสนใจจริงของผู้เข้าร่วม เป็นงานที่ท้าทายอย่างมาก
- สถานพัฒนาความเป็นผู้ประกอบการสำหรับนักศึกษา มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี (SEDA)
- SEDA ให้ความสำคัญเรื่องความเป็นผู้ประกอบการเป็นหลัก เดิมทำงานอยู่ที่หน่วยบ่มเพาะวิสาหกิจ และเห็นว่าจะหาคนมาทำโปรเจกต์ส่วนนี้ยากมาก โจทย์สำคัญคือ ทำอย่างไรให้นักศึกษามีแนวคิดเรื่องผู้ประกอบการ (เห็นปัญหาแล้วสามารถลุกขึ้นมาแก้ปัญหาได้) ซึ่งมหาวิทยาลัยฯ ตั้งเป้าผลักดันประเด็นดังกล่าว ทำให้บทบาทของ SEDA จึงเน้นการสร้างต้นน้ำ ก่อนส่งต่อไปที่ศูนย์บ่มเพาะของมหาวิทยาลัยฯ และศูนย์เฉพาะทางด้านความรู้ (ในวงวิชาการมหาวิทยาลัย)
- ความท้าทายของ SEDA คือ นักศึกษาไม่มีเวลามาร่วมทำกิจกรรม ด้วยโครงสร้างภาคเรียนของมหาวิทยาลัยฯ ที่ต้องเรียนจำนวน 3 เทอม ทำให้นักศึกษาไม่มีเวลาในการทำโปรเจกต์มากนัก ทำให้การจะได้คนที่มีใจมาทำโปรเจกต์เป็นโจทย์ที่ยาก ตัวอย่างเช่น ช่วงเริ่มต้นมีนักศึกษาเข้าร่วมโครงการจำนวนสองหมื่นคน เมื่อเข้าสู่ขั้น Pre-Incubation ลดลงเหลือจำนวน 500 คน และจำนวนลดลงเรื่อยๆ เมื่อเข้าสู่ขั้นต่อไป
- สิ่งที่ SEDA ต้องปรับตัวและทำเพิ่มเติม คือ การสร้างแรงบันดาลใจ (Inspiration) ให้กับนักศึกษา โดยทำในหลายรูปแบบ เช่น การพานักศึกษาออกจากตำราหรือรั้วมหาวิทยาลัยฯ, การจัดงาน Talk, การจัด Field Trip เพื่อให้นักศึกษาได้รับแรงบันดาลใจ, การจัด Demo day เพื่อให้พื้นที่แสดงกับคนทำโปรเจกต์, การจัดพื้นที่เล่น Board Game เพื่อทดลองให้เด็กได้มีหรือใช้ทักษะต่างๆ เช่น การเงิน หรือการเจรจา เป็นต้น
2. แลกเปลี่ยนไอเดียและถามตอบในประเด็นการทำโปรแกรมบ่มเพาะ
- การดึงการมีส่วนร่วมจาก Incubatee ทำอย่างไร?
- ต้องสื่อสารตั้งแต่วันแรกว่าเป้าหมายของโปรแกรมมีเพื่ออะไร มีการคัดใบสมัครอย่างจริงจัง เขาต้องตอบให้ชัดว่าทำไมถึงอยากเข้าร่วม มีความจริงจังกับประเด็นในระดับไหน และต้องสื่อสารเงื่อนไข ความคาดหวังตั้งแต่วันแรกให้ชัดเจน การทำข้อตกลงร่วมกัน การทำการบ้าน/การส่งการบ้านที่ต้องจริงจัง มีทีมติดตามการทำการบ้านจริงจัง มีสตาฟกลุ่มที่คอยมอนิเตอร์ ไม่ใช่แค่ตามเพื่อส่งงาน แต่คอยดูด้วยว่าเขาติดอะไรไหม มีปัญหาอะไร เพื่อช่วยแก้ปัญหา
- การสร้างสมดุลระหว่างตัวชี้วัด การมีส่วนร่วม และความเปลี่ยนแปลงที่ต้องเกิดขึ้น ซึ่งต้องทำตามกรอบเวลา ทำอย่างไร?
- เป็นความท้าทายมาก แนวทางที่ทำคือ นำ KPI มาดูแล้วจัดกิจกรรม เพื่อหากลุ่มเป้าหมายให้ได้ตามจำนวนที่ต้องการ ถัดมาต้องทำการขายตรงคือ เหลือใครที่สนใจอยากทำโปรเจกต์ต่อบ้าง สิ่งสำคัญคนที่ทำงานในหน่วยงานภาครัฐต้องเข้าใจก่อนว่า องค์กรต้องการอะไร ต้องทำอะไรที่ทำให้รองรับคนได้มากขึ้น ทำให้คนสนใจมากขึ้น และหาวิธีการวัด Impact ที่เหมาะกับตนเองหรือหน่วยงาน นอกจากนี้ ต้องสร้างความเข้าใจกับผู้บริหารด้วยว่าทำไมเรื่องนี้ถึงสำคัญ ต้องเชิญเขามาร่วมงานกับเราบ่อยๆ เพื่อให้เขาเห็นมากขึ้น ความท้าทายอีกด้านคือ ข้อจำกัดด้านทรัพยากร ทำให้เจ้าหน้าที่ต้องปรับบทบาท ไม่เพียงแค่เป็นผู้ประสานงานเท่านั้น แต่ต้องเปลี่ยนบทบาทตัวเองเป็น facilitator และสามารถสอนได้ด้วย (มีความแม่นในเรื่องกระบวนการ) รวมถึงต้องหาเครือข่ายหรือคนสนับสนุนที่สามารถมาช่วยส่งต่อได้ด้วย
- ผู้บริหารคือสิ่งสำคัญ ต้องเข้าใจประเด็นสำคัญก่อนว่าสิ่งที่ทำคืออะไร แล้วสื่อสารกับเขาเข้าใจก่อนในมุมของผู้บริหาร ถ้า KPI ไม่ใช่ ก็จะต้องสื่อสารกับเขาโดยตรง เพื่อหาการปรับให้สอดคล้องกับหน้างานจริง
- ทำอย่างไรให้ตัวผู้ดำเนินการระบบสนับสนุน (Support system) เอง ก็ไม่ Burn Out
- ต้องเช็คพลังงานของสตาฟตลอด มีอะไรที่องค์กรสามารถสนับสนุนได้ เพื่อให้เขาไม่อยู่ในภาวะเครียด ต้อง Cheer Up ตัวเอง พยายามทำให้สิ่งที่เจอทุกวันเป็นเรื่องที่เป็นปกติ หรือบางทีต้องท้าทายทีมด้วยการคิดงานให้นอกกรอบ
- การทำโปรแกรมบ่มเพาะในสถาบันการศึกษาจะเริ่มต้นทำได้อย่างไร ?
- ทำได้เลย เริ่มที่ตัวครูได้ เช่น การตั้งโจทย์ว่าในฐานะเด็กอาชีวะจะทำประเด็นอะไรในพื้นที่ได้บ้าง แล้วอยู่กับเด็กไปเรื่อยๆ จนวันที่โปรเจกต์สำเร็จก็จะมีความร่วมมือเข้ามาหาเรา
ขอขอบคุณผู้เข้าร่วมทุกคนที่เข้ามาร่วมแบ่งปันและแลกเปลี่ยนความคิดเห็นในกิจกรรม CM Club ครั้งนี้
ติดตามกิจกรรมอื่นๆ ได้ทาง Facebook Page: School of Changemakers หรือ Instagram: @schoolofchangemakers