เมื่อวันเสาร์ที่ 21 ตุลาคม 2566 เวลา 13.00-15.00 น. ณ ศูนย์การเรียนรู้อเนกประสงค์ อุทยานการเรียนรู้ TK Park ชั้น 8 ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์
School of Changemakers ร่วมกับ The Cloud และ TK Park เชิญชวนคนทำธุรกิจ คนทำงานภาคธุรกิจ และบุคคลทั่วไปที่สนใจ มาร่วมพูดคุยแลกเปลี่ยนไอเดียสร้างการเปลี่ยนแปลงในสังคม โดยเริ่มต้นจากโจทย์ที่ภาคธุรกิจพบเจอจากการทำงานจริง และความตั้งใจที่จะลงมือแก้ไขปัญหาสังคม โดยมีตัวแทนจากภาคธุรกิจสามท่านที่จะมาชวนพูดคุยดังนี้
คุณตั๋ง วศิน ตู้จินดา บริษัท Tako Foods Industry จำกัด: ‘โรงงานจะลดการปล่อยคาร์บอนได้อย่างไรบ้าง’
‘Tako Foods Industry’ เป็นธุรกิจผลิตน้ำผลไม้ โดยเราอาจคุ้นหูกันในชื่อแบรนด์ น้ำมะพร้าว ‘NAMHOM’ และน้ำแตงโม ‘Motion’ ซึ่งในการผลิตสินค้าและผลิตภัณฑ์ โรงงานจำเป็นต้องใช้ทรัพยากรต่างๆ ที่เป็นต้นทุนและส่งผลให้เกิดการปล่อยคาร์บอนออกไปสู่ธรรมชาติ ไม่ว่าจะเป็นการจัดหาวัตถุดิบ การจ้างแรงงาน การใช้น้ำและไฟฟ้า ซึ่งหากเราสามารถหาวิธีการหรือนวัตกรรมใหม่ๆ ในการลดการปล่อยคาร์บอนได้ นอกจากจะเป็นการทำให้ขั้นตอนการผลิตสามารถสร้างความยั่งยืนได้แล้ว อาจเป็นการช่วยลดต้นทุนในการผลิตได้อีกด้วย
คุณบ๊อบ จักรัตน์ บุญวรพัฒน์ บริษัท พนาพัฒน์ เฮลท์แคร์ จำกัด: ‘ธุรกิจขนาดกลาง อยากปันกำไรช่วยสังคม จะช่วยใครและอย่างไรดี’
‘พนาพัฒน์ เฮลท์แคร์’ ผลิตและจัดจำหน่ายยาสมุนไพร เช่น ลูกอมสมุนไพรและยาน้ำแก้ไอมะขามป้อม แบรนด์ยูอีคอฟ โดยในทุกๆ ปี บริษัทจะเก็บ 2% ของกำไรที่ได้รับทั้งหมดไว้เพื่อปันสู่สังคมผ่านการทำกิจกรรมต่างๆ ตามประเด็นที่เกี่ยวข้องกับการทำงานของบริษัท เช่น การจัดคอนเสิร์ตให้กับมูลนิธิช่วยคนปัญญาอ่อน แบ่งปันความสุขให้ทั้งกับผู้ให้และผู้รับ ตั้งต้นด้วยประเด็นการใช้เสียง การส่งเสียง เพื่อสร้างความสุข ตรงกับผลิตภัณฑ์ลูกอมสมุนไพรและยาแก้ไอ โอกาสในการปันกำไรช่วยสังคมแบบนี้มีอยู่มากมายหลากหลาย จึงเชิญชวนภาคธุรกิจมาแลกเปลี่ยนไอเดียในการปันกำไรช่วยสังคมร่วมกัน
คุณน้ำ ปณาลี ภัทรประสิทธิ์ ตลาดสี่มุมเมือง: ‘เราจะจัดการของเหลือหรือขยะผักผลไม้ให้สร้างมูลค่าสูงสุดได้อย่างไร’
‘ตลาดสี่มุมเมือง’ ศูนย์ค้าส่งผักและผลไม้ชั้นนำของเอซีย บนพื้นที่กว่า 350 ไร่ มีปริมาณสินค้าเข้าตลาดกว่า 8000 ตันต่อวัน โดยในแต่ละวัน เกิดของเหลือหรือขยะผักผลไม้จากการดำเนินงานของตลาดกว่า 230 ตัน ซึ่งในปัจจุบัน 40% ของทั้งหมด (ส่วนใหญ่เป็นกะหล่ำ ผักใบ ข้าวโพด ขนุน) ได้รับการแปรรูปและเพิ่มมูลค่ากลายเป็นอาหารสัตว์ แต่อีก 60% ที่เหลือ ไม่ว่าจะเป็นขั้วพริก กาบมะพร้าว และผักผลไม้อื่นๆ นั้น ยังไม่ได้รับการแปรรูป และยังรอการนำไปเพิ่มมูลค่าอยู่ จึงสนใจคิดค้นหาวิธีการใหม่ๆ ในการสร้างมูลค่าให้กับขยะผักผลไม้เหล่านี้
ในวันงานที่ผ่านมา มีผู้เข้าร่วมจากหลากหลายภาคธุรกิจ ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจโรงแรม ธุรกิจก่อสร้าง ธุรกิจการการออกแบบ ฯลฯ มาร่วมแลกเปลี่ยนไอเดียและประสบการณ์ซึ่งกันและกัน โดยตัวแทนทั้ง 3 ท่านต่างได้ไอเดียใหม่ๆ นำไปต่อยอดการทำงานของตนเองได้
